วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2554

คุณสมบัติของผู้บริหารโครงการที่ดี

สิ่งสำคัญของ Project Manager จะประกอบไปด้วย

1. การวางแผนโครงการ ( Project Planning )

2. การควบคุมโครงการ ( Project Control )

3. เทคนิคในการคาดคะเน ( Techniques for Estimating )



คุณสมบัติ ได้แก่
1. มีทักษะการสือสารที่ดี
2. มีความอดทน
3. แก้ไขเฉพาะหน้าได้ดี
4. มีความรู้เกี่ยวกับโครงการหรือเทคโนโลยีที่ใช้ในการทำโครงการเป็นอย่างดี
5. มีความเอาใจใส่

คุณสมบัติของผู้บริหารโครงการที่ดี

สิ่งสำคัญของ Project Manager จะประกอบไปด้วย

1. การวางแผนโครงการ ( Project Planning )

2. การควบคุมโครงการ ( Project Control )

3. เทคนิคในการคาดคะเน ( Techniques for Estimating )



คุณสมบัติ ได้แก่
1. มีทักษะการสือสารที่ดี
2. มีความอดทน
3. แก้ไขเฉพาะหน้าได้ดี
4. มีความรู้เกี่ยวกับโครงการหรือเทคโนโลยีที่ใช้ในการทำโครงการเป็นอย่างดี
5. มีความเอาใจใส่

วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2553

งาน

ข้อ 7


ข้อ 8
ข้อ 12

ข้อ 18


ข้อ 24

ข้อ 28

วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

วันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Microsoft Project กับการบริหารโครงการ

ไมโครซอฟท์โปรเจ็กต์ เป็นโปรแกรมที่ช่วยวางแผนงานต่างๆ เกี่ยวกับการทำโครงการ ซึ่งจะช่วยผู้บริหาร หรือผู้จัดการโครงการสามารถป้อนข้อมูลที่สำคัญ เช่น เวลาทำงาน เวลาไม่ทำงาน ทรัพยากรที่จำเป็นต้องใช้ โปรแกรมจะช่วยวางแผนและคำนวณวันเริ่มต้นและวันสิ้นสุดงานแต่ะละงานให้เอง นอกจากนั้นผู้จัดการโครงการสามารถใช้คำสั่งเพื่อ View ดูข้อมูล หรือ จาก Report ได้


ข้อดีในการบริหารงานโดยการใช้โปรแกรมบริหารโครงการ
- วางแผนงานได้หลายๆ ส่วน และสามารถคาดคะเนเวลาและทรัพยากรร่วมกันได้
- แสดงความก้าวหน้าของงานและสามารถปรับปรุงได้อย่างรวดเร็ว
- สามารถทราบเวลาและทรัพยากร ที่เกิดปัญหาได้ทันที
- มีการปรับเปลี่ยน ราคา อย่างอัตโนมัติ
- มีรูปแบบรายงานที่สวยงามและมืออาชีพ

PMIT งานแรก

สรุป
การบริหารโครงการมีปัจจัย ด้วย กัน 3 อย่าง คือ
1. ทรัพยากร (คน เครื่องมือ)
2.เวลา
3.เงิน

ซึ่งทั้ง 3 อย่างนี้มีความสัมพันธ์กัน เมื่อ เหมือนรูปสามเหลี่ยม เมื่อด้านใดด้านยหนึ่งขยายออก อีกทั้ง 2 ด้าน ก็จะขยายขึ้นตามเช่นกัน เช่น เมือ ระยะเวลา เพิ่มขึ้น จำนวนเวลาก็จะเพิ่มตามเช่นกัน



วันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Question for MIS

1. ข้อดีข้อเสียของระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหารระดับสูงมีไรบ้าง
ข้อดี
1. ง่ายต่อผู้บริหารระดับสูงในการใช้งาน
2. การใช้งานไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์
3. ให้สารสนเทศสรุปของบริษัทในเวลาที่ต้องการ
4. ทำให้สามารถเข้าใจสารสนเทศได้ดีขึ้น
5. มีการกรองข้อมูลให้ประหยัดเวลา
6. ทำให้ระบบสามารติดตามสารสนเทศได้ดีขึ้น

ข้อด้อย
1. มีข้อจำกัดในการใช้งาน
2. อาจทำให้ผู้บริหารจำนวนมากรู้สึกว่าได้รับข้อมูลมากเกินไป
3. ยากต่อการประเมินผลประโยชน์ที่ได้จากระบบ
4. ไม่สามารถทำการคำนวณที่ซับซ้อนได้
5. ระบบอาจจะใหญ่เกินกว่าที่จะจัดการได้
6. ยากต่อการรักษาข้อมูลให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา
7. ก่อให้เกิดปัญหาการรักษาความลับของข้อมูล


2. ประโยชน์ของระบบสารสนเทศ
ประโยชน์ที่ได้จากการจัดการทรัพยากรสารสนเทศคือ

1. รวบรวมข้อมูลจากภายในและภายนอกที่มีความจำเป็นต่อหน่วยงาน
2. ประมวลผลข้อมูลเพื่อให้ได้สารสนเทศที่มีประโยชน์นำไปใช้งานได้
3. มีระบบการจัดเก็บข้อมูลให้เป็นหมวดหมู่ สะดวกต่อการค้นหาและนำไปใช้
4. ปรับปรุงข้อมูลให้อยู่ในสภาพที่ถูกต้อง ทันสมัยอยู่เสมอ

ประโยชน์ที่ได้จากระบบสารสนเทศที่มีต่อการบริหารงานในองค์กร คือ

1. เพื่อการวางแผน กำหนดเป้าหมายและนโยบายในการบริหารองค์กร
2. สามารถวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
3. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของบุคลากรในองค์กร
4. ช่วยให้การทำงานรวดเร็ว ถูกต้อง การบริหารงานในองค์กรมีประสิทธิภาพ
5. ใช้ควบคุมระบบการทำงานในองค์กรให้ดำเนินไปตามนโยบายที่กำหนดไว้
6. องค์กรมีมาตรฐานและคุณภาพในการดำเนินงาน ทำให้ได้รับความเชื่อถือ
7. สร้างโอกาสในการลงทุน ทำให้มีการขยายองค์กรให้เจริญเติบโตยิ่งขึ้น
8. สามารถแข่งขันกับองค์กรอื่น ๆ ได้

3. การเผยแพร่สารสนเทศในองค์กรทำได้อย่างไร
1.การประยุกต์เทคโนโลยีสารสนเทศด้านใดบ้างที่จะเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานจะ เห็นแล้วว่าเทคโนโลยีสารสนเทศนั้นสามารถนำไปประยุกต์ได้หลายด้าน แม้ในสำนักงานก็มีเทคโนโลยีให้เลือกใช้ได้มากมาย เช่น เทคโนโลยีสำนักงานอัตโนมัติ ระบบประมวลภาพลักษณ์ ระบบประชุมทางไกล ในประเด็นนี้ผู้บริหารงานเทคโนโลยีสารสนเทศจะต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับ เทคโนโลยีนั้นๆ ต้องเข้าใจว่าจะนำเทคโนโลยีนั้นมาใช้อะไรได้ ใช้แล้วจะได้รับประโยชน์อะไรบ้างจะเกิดผลกระทบต่อองค์กรอย่างไรบ้าง
2. การวางแผนกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ หน่วยงานขนาดใหญ่ระดับกระทรวง กรม หรือบริษัทขนาดใหญ่จำเป็นจะต้องมีแผนกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะ สม เพื่อใช้เป็นแผนที่สำหรับนำไปสู่การประยุกต์เทคโนโลยีสารสนเทศได้อย่างมี ประสิทธิภาพ การนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้นั้น หากไม่ได้วางแผนละควบคุมให้ดี กลับไปเลือกใช้เทคโนโลยีผิดแล้วจะเกิดความเสียหายได้มาก นอกจากจะสิ้นเปลืองเงินลงทุนไปโดยใช่เหตุแล้ว ยังเสียเวลา และทำให้การทำงานปั่นป่วนได้ การวางแผนกลยุทธ์นั้นช่วยให้เห็นภาพรวมของการประยุกต์เทคโนโลยีสารสนเทศโดย รวมของทั้งหน่วยงานได้ชัดเจนขึ้น เกิดความเข้าใจว่าจะต้องพัฒนางานหรือเทคโนโลยีใด เมื่อใด และต้องใช้ทรัพยากรมากเท่าใด
3. การกำหนดมาตรฐาน เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศทำงานร่วมกัน ระหว่างหน่วยงานต่างๆ มาตรฐานทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศนั้นมีอยู่หลายเรื่อง มาตรฐานทางด้านตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ จะต้องเป็นแบบที่ทำให้เครื่องและอุปกรณ์ทั้งหลายทำงานร่วมกันได้ มาตรฐานทางด้านซอฟต์แวร์เป็นตัวกำหนดว่าทั้งองค์กรจะต้องใช้ซอฟต์แวร์แบบไหน บ้าง จะใช้ภาษาคอมพิวเตอร์อะไร จะใช้ระบบจัดการฐานข้อมูล มาตรฐานข้อมูลและรหัสข้อมูลแบบไหน หรือใช้โปรแกรมสำเร็จอะไร การใช้ซอฟต์แวร์เป็นมาตรฐานเดียวกันจะทำให้หน่วยงานทำงานได้สะดวกขึ้น ไม่สิ้นเปลืองทรัพยากรมากนัก
4. การลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เราควรลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศมากสักเท่าใด นี่เป็นคำถามที่ยังหาคำตอบไม่ได้ชัดเจน และทำให้ผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศมีปัญหากับ ผู้บริหารองค์กร เพราะผู้บริหารองค์กรไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงต้องลงทุนทางด้านเทคโนโลยี สารสนเทศไปมากนัก หรือเหตุใดลงทุนไปแล้วสามารถไม่ได้ผลตอบแทนเท่าที่ควร
5. การจัดองค์กร เมื่อมีแผนงานและงบประมาณสำหรับดำเนินการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศแล้ว ต่อไปก็จำเป็นที่จะต้องพยายามสร้างองค์กรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของหน่วยงาน ให้เข้มแข็งมากขึ้น โดยคำนึงถึง
-หน่วยงานที่จะดูแลทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
-บุคลากรที่เหมาะ
-ผลตอบแทนต่อบุคลากร
6. การบริหารงานพัฒนาระบบ การพัฒนาระบบนั้นเป็นงานที่ต้องวางแผนอย่างดี และต้องมีหัวหน้าโครงการที่มีความรู้ทั้งทางด้านเทคนิคและทางด้านการสื่อสาร ทั้งด้วยวาจาและเป็นเอกสาร